สำหรับคนที่เล่นอินสตาแกรมและเลือก follow ผู้ชายหมวดแต่งตัว (เป็น) เราเชื่อว่าต้องมีแอ็คเค้าท์ @bankpreedakorn รวมอยู่ในลิสต์แน่ๆ สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักตัวเขาดี แบงค์ – ปรีดากร เมธเกรียงชัย คือผู้ร่วมก่อตั้งและดีไซเนอร์ของแบรนด์ Gentle RAMS ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เชี่ยวชาญด้านการตัดเย็บสูทและสไตลิ่งสำหรับสุภาพบุรุษ เรามักจะเห็นเขาในชุดสูทหลากแบบและสไตล์ที่หลากหลายผ่านทางอินสตาแกรมอยู่เสมอ แน่นอน เราจึงเลือกเขาให้มาประเดิมคอลัมน์ยอดนิยมของเอสไควร์ทั่วโลก – FIVE FITS WITH – และนี่คือ 5 ลุคที่แบงค์ – ปรีดากร คัดสรรแล้วมาให้เราชม









Fit One: Sport Look
เสื้อโปโลลายฮาวด์สทูธสีขาวแบบซิปครึ่งตัว กางเกงขาสั้นลำลองสีงาช้างสำหรับวันพักผ่อน ถุงเท้า และรองเท้าสนีกเกอร์ On The Roger Clubhouse Pro ทั้งหมดจาก RAMS Courtside สร้อยข้อมือจาก Miu Miu
“ลุคแรกเป็นลุคสปอร์ตแบบสบายๆ เพราะว่าทุกวันนี้ไลฟ์สไตล์ของคนก็เปลี่ยนไป หลายๆ คนก็จะใช้ชุดออกกำลังกายเป็นชุดลำลอง ไปเดินเล่น ไปซูเปอร์มาร์เก็ต ไปใช้ชีวิตหลังจากออกกำลังกายกัน ก็เลยชอบชุดนี้ ชุดจะมีความโอเวอร์ไซส์หน่อย ใส่ง่าย แต่ก็ยังมีดีเทลทูโทนเล่นสีครึ่งบนกับครึ่งล่าง แล้วก็มีซิปที่สามารถรูดปิดขึ้นมาได้ ส่วนกางเกงจะเน้นกางเกงขาสั้นใส่สบาย ส่วนรองเท้าเป็นรุ่นพิเศษของแบรนด์ที่ผมทำเอง นำรองเท้าของ On มาดีไซน์เพิ่มเติม ลุคนี้เป็นลุควันหยุดที่ผมมักจะชอบใส่ไปข้างนอก ออกกำลังกายเสร็จแล้วก็ไปทำธุระต่อ
“ซึ่งเหมาะกับบ้านเรา ที่จริงที่เมืองนอกผมก็ชอบใส่ มันจะมีช่วง Spring-Summer ที่ใส่ได้ ส่วนของเมืองไทยผมว่าได้นะ เพราะว่าส่วนใหญ่เราใช้ชีวิตอยู่ในห้องแอร์ ในรถ เราลงจากรถไปเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต มันก็เจอแดดร้อนไม่กี่นาที ผมว่าโอเค ถ้าอยากเท่มันก็ต้องทนนิดนึง”
เราเห็นคุณไปงาน Pitti Uomo บ่อยครั้งมาก เล่าประสบการณ์ให้ชาวเอสไควร์ฟังหน่อย
Pitti Uomo มีปีละสองครั้ง (Winter และ Summer) ผมจะไปซัมเมอร์เป็นประจำ ไปมาติดต่อกันประมาณ 5-6 ปีละ มีหยุดช่วงโควิดที่เค้าไม่จัดเพราะตอนนั้นสถานการณ์ที่อิตาลีค่อนข้างแย่เลย หนึ่งคือไปอัพเดท ไปดูผู้คนแต่งตัว ปีนี้เค้ามีอะไรมาแต่งกัน มีอะไรสนุกบ้าง ไปหาแรงบันดาลใจให้กับตัวเรา เราจะแต่งตัวยังไงให้มันดูดี แต่ยังเป็นในแบบฉบับของเรา ไปสร้างสีสันแล้วก็ดูสีสันในงานด้วย สองคือไปเจอพาร์ทเนอร์ เพราะร้านเราจะมีพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้ค้า ไม่ว่าจะเป็น accessories ผ้าต่างๆ เค้าก็จะไปรวมตัวกันที่นั่น ก็ถือเป็นโอกาสดีที่เราไปทีเดียวรวบตึงเลย ได้เจอกับหลายๆ คน เจอช่างฝีมือ เจอคนเชี่ยวชาญเรื่องผ้า มีไปดินเนอร์กัน เจรจาธุรกิจ คุยเรื่องเทรนด์โลก มีปาร์ตี้ก็ไปจอยน์ เป็นเรื่องของ relationship ด้วย










Fit Two: Casual Look
เสื้อโปโลแขนยาว จาก RAMS Courtside กางเกงยีนส์ จาก Gucci รองเท้าโลฟเฟอร์สีขาว จาก Gucci แว่นตากันแดด จาก Bottega Veneta สร้อยข้อมือจาก Miu Miu นาฬิกาวินเทจ จาก Patek Philippe เสื้อโปโลแขนยาวสำหรับสุนัข จาก Patte Dorée Boutique
“ลุคถัดมายังดูสบายๆ อยู่ แต่ก็ดูมีอะไรขึ้นมานิดนึง ยังเป็น casual look อยู่ อันนี้เป็นเสื้อโปโลแขนยาวที่สามารถเลิกแขนเสื้อขึ้นได้ ตัวเสื้อจะมีความคร็อปหน่อย ชายเสื้อจะสั้นลอยขึ้นมานิดนึง ไม่ดูโคร่งจนเกินไป ใส่กับกางเกงยีนส์ที่มีความยาวของขาเยอะๆ ตัวนี้ผมชอบ ให้มันคลุมรองเท้า รู้สึกแปลกใหม่ดี หนีจากภาพเดิมๆ ที่เราเคยใส่กัน ที่สำคัญคือแมตช์กับน้องหมาด้วย เป็นแพทเทิร์นเดียวกัน แต่ว่าย่อไซส์ลงมาเป็นไซส์น้องหมา เป็นเหมือนกับ family-tee ใส่ไปด้วยกันทั้งครอบครัว
“การทำชุดน้องหมามันยากนะ น้องหมามีไซส์ที่หลากหลายกว่าคน คนเรามีแค่ S-M-L ก็โอเคละ แต่น้องหมาแต่ละพันธุ์จะมีเรื่องตัวใหญ่ ตัวเล็ก ตัวสั้น ตัวยาว ต้องทำเป็น customized ถึงจะตอบโจทย์กว่า”
พอไป Pitti Uomo มาหลายปี เห็นความเปลี่ยนแปลงในการแต่งตัวของผู้คนอย่างไรบ้าง
เปลี่ยนแปลงเยอะเลย คือจะมีอยู่สองกลุ่มด้วยกัน กลุ่มที่ยังเป็น traditional (การตัดเย็บแบบเก่า วิธีการแต่งตัวแบบเก่า สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน) เค้าก็ยังคงสไตล์ของเค้า ยังชัดเจนแข็งแรง แต่ก็จะมีอีกกลุ่มหนึ่งที่จะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่หน่อย ก็จะเริ่มผสมผสานกับเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้าสตรีท งาน patchwork (การเย็บปะติดปะต่อผ้า) คือก็จะมีหลากหลายเลย วาไรตี้มาก แต่ก็แล้วแต่เทรนด์ของฤดูกาลด้วย ช่วงก่อนหน้านี้สตรีทแวร์มา ก็จะเห็นคนใส่สูทโอเวอร์ไซส์กันเยอะ มีความ casual กางเกงก็จะเป็นทรงขาใหญ่ อย่างปีที่แล้ว western มา ผมก็จัด (กระเป๋า) เป็นกางเกงขาม้าไป มีขอบกุ๊น เสริมด้วยจิวเวลรี่ พวก Italian silver ก็ดูสนุกดี ดูแหวกไปอีกแนว มันก็ยังมีความเป็น tailor-made เป็น bespoke เป็น hand-crafted อยู่ในชิ้นที่เราใส่ไป เทรนด์มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เป็นวงจรของแฟชั่น แต่ว่าสูทมักจะเป็นตัวตั้งต้น แต่เอาของมาเป็นส่วนผสม เป็นท็อปปิ้ง มาเติมเพื่อให้เกิดสีสันใหม่










Fit Three: Smart-Casual Look
เสื้อสูทสีขาวแบบกระดุมสองแถว ผ้าวูล-ลินิน-ไหมผสม (ผ้าจาก Loro Piana) จาก Gentle RAMS เสื้อยืดสีขาว จาก RAMS Courtside กางเกงขาบานสีเขียวมะกอกเข้ม (ผ้าจาก Fox Brothers) จาก Gentle RAMS ผ้าพันคอจาก Gentle RAMS หมวกแก็ป จาก Miu Miu รองเท้าโลฟเฟอร์สีขาว จาก Gucci แว่นตากันแดด จาก Jimmy Fairly
“ลุคนี้สามารถใส่ได้ทั้งเมืองไทยและเมืองนอก ไปต่างประเทศผมจะใส่ลุคนี้บ่อย เพราะว่ามันใส่สบาย จริงๆ ตัว blazer หรือ sport-jacket เนี่ยเหมาะกับการใส่เดินทางไปต่างประเทศ เพราะว่าช่องมันเยอะ กระเป๋าเยอะมาก เราสามารถใส่พาวเวอร์แบงค์ ใส่พาสสปอร์ต ใส่ money clip ถ้าเราขี้เกียจที่จะใส่ในกระเป๋ากางเกง เราก็ใส่ตามช่องต่างๆ เหล่านี้ได้ เราไปซื้อของมีใบเสร็จอะไรมาก็ใส่ได้หมด ที่ผมชอบอย่างหนึ่งคือ ผมจะเอา tote bag บางๆ ใบใหญ่ๆ แล้วก็พับใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเบลเซอร์นี่แหละ เวลาจะใช้เราก็ดึงออกมา ตอนเช้าเราก็เดินตัวปลิว เราคีปลุคของเราไปได้ แต่พอเราเริ่มของเยอะละ เราก็เอาถุงออกมาแล้วก็ใส่ของแล้วก็สะพาย เอาจริงๆ ลุคนี้บวกกับ tote bag ใบใหญ่ๆ ก็ยังเข้าอยู่”
แล้วเอาอะไรจาก Pitti Uomo มาเป็นแรงบันดาลใจหรือเอามาใช้กับที่ร้านอย่างไรบ้าง
ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้สึกมากกว่า เราไปเห็นแล้วเราไปเจอมู้ดแบบนี้ ไวบ์แบบนี้ ก็จะรู้สึกว่าแบบ เออ ร้านเรามันตั้งต้นมาจากสิ่งที่เราอยากใส่อยากใช้ก่อน ทั้งหมดเลย คอลเลกชั่นที่ทำมาทั้งหมดมันบอกเอง แล้วเราก็ทำ ก็เป็นตัวอย่าง เป็น prototype ให้ลูกค้าดู ถ้าเค้าชอบก็มาลองตัดกับเรา










Fit Four: Semi-Formal Look
สูทกระดุมสองแถวสีวอลนัท (ผ้าจาก Loro Piana) จาก Gentle RAMS เนกไทไหมถักละเอียดสีวอลนัทจาก Paolo Albizzati ผ้าเช็ดหน้าลินินสีขาวกุ๊นขอบสีวอลนัท จาก Mungai บู๊ตสไตล์เชลซี จาก Crockett & Jones เข็มขัดจาก Berg & Berg สร้อยคอเป็นของส่วนตัวภรรยา
“ลุคนี้จะฟอร์มอลขึ้นมาหน่อย สำหรับออกงานได้ คุยธุรกิจได้ ผมพยายามเล่นสีลุคนี้ให้มันเป็นโมโนโครม คือโทนสีเดียวกันหมด ให้มันดูเป็นเฉดสีเดียวกัน ดูแฟชั่นขึ้น เพราะว่าถ้าเป็นสูทปกติ คนส่วนใหญ่จะใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว แล้วก็เนกไทสีๆ ตัดลาย แต่ผมเลือกที่จะใช้โทนสีเฉดเดียวกันหมดเลย แล้วก็เติมจิวเวลรี่อย่างสร้อยคอ แต่เอามาใส่ทับบนเนกไท เพื่อสร้างความพิเศษให้กับลุค ให้มันดูสนุกขึ้น ใหม่ขึ้น จริงๆ แล้วทุกอย่างมันเป็นของที่เรามีอยู่แล้ว แต่เอามาจับ mix & match เอาอันนี้ทับบนอันนี้ เอามาวางในที่ที่รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ มาลองดู ก็สนุกดี
“จริงๆ แล้วผมทำร้านสูท เปิดมาสิบปีละ มันมีจุดที่เราเบื่อตัวเราเองมั้ย ก็มี ก็รู้สึกว่าเราแต่งตัวเหมือนเดิมเลย เราก็เลยชอบที่จะเล่นอะไรใหม่ๆ หาอะไรใหม่ๆ เพราะว่าเรามีของอยู่แล้วรอบๆ ตัว เราก็แค่จับมาเขย่า จับมายกระดับใหม่ๆ มันก็จะเกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง ซึ่งเป็นอย่างนั้นอยู่บ่อยครั้ง”
ขอคำแนะนำสำหรับผู้ชายที่อยากลงทุนกับสูทตัวแรกหน่อย
ต้องบอกก่อนว่าสูทมีหลายประเภท มีทั้งเป็น full suit แบบ formal สีเดียวทั้งชุด มีเป็น two tone ใส่เป็นเบลเซอร์หรือสปอร์ตแจ็กเกตผสมกับกางเกงสีต่างๆ ถ้าให้ผมแนะนำคือให้ตัดเป็น full suit สีน้ำเงิน แต่ต้องเป็นผ้าที่มีเท็กซ์เจอร์ อย่างเช่น hopsack (วิธีการทอผ้าชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นตารางคล้ายกระสอบ มีช่องว่างระหว่างการทอ ทำให้ระบายอากาศได้ดี) พอใส่แบบเต็มตัวมันดู formal แต่เราสามารถใส่แยกไป mix & match กับอย่างอื่นได้ อย่างแจ็กเกตเราไปใส่กับกางเกงสีน้ำตาล สีเบจ หรือสีขาวให้ลุคดูคุณหนู กางเกงก็เอาไปใส่กับเสื้อเชิ้ต เสื้อโปโล คิดว่ามันคุ้มและครอบคลุมที่สุดแล้ว
นิยามสไตล์ของตัวคุณเอง
ถ้าให้เลือกคำเดียว น่าจะเป็นคำว่า ‘สนุก’ เพราะเป็นคนแต่งตัวหลากหลาย แล้วก็ชอบที่จะผสมผสานกัน อย่างลุคที่แล้ว สูทสีขาวทั้งชุดมันดู formal แต่เราเลือกที่จะเอามาใส่แยกกับกางเกงขาม้าสีเขียวโอลีฟ กับเสื้อยืด เราจะคิดว่าทำยังไงให้มันสามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ก็เลยคิดลุคแบบเอามาต่อยอดได้ สนุกกับการแต่งตัวมาก










Fit Five: Formal Look
ทักซิโด้กำมะหยี่สีกรมท่า (ผ้าจาก Loro Piana) เสื้อเชิ้ตทักซิโด้สีขาว (ผ้าจาก Thomas Mason) โบไท ผ้าเช็ดหน้าสำหรับใส่กระเป๋าสูท และคาดเอว ทั้งหมดจาก Gentle RAMS รองเท้าโลฟเฟอร์มีพู่ จาก Gucci ชุดทักซิโด้สำหรับสุนัข จาก Patte Dorée Boutique
“เป็นลุค formal เป็นแบล็คไท แต่ว่าตัวแจ็กเกตก็ไม่ใช่ทักซิโด้ธรรมดา ผมก็ยังชอบความสนุกของชุดอยู่ มีความทะเล้นออกมา ผมก็เลยเลือกเป็นตัวผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ที่ดูเหมือนจะเกือบดำ แต่ถ้าดูดีๆ มันไม่ใช่ดำ แล้วก็เติมด้วยคาดเอว จริงๆ มัน old-school มากๆ มันก็เริ่มถูกลืมไป ผมก็เลยลองเอามันกลับมาใส่ดู มันก็ดูมีคาแร็กเตอร์ดี ดูมีความอิตาเลียนมาเฟียเล็กๆ แล้วพอบวกกับเนกไทที่ทรงมีความจิ๊กโก๋หน่อยๆ ก็จะไม่ไปทางหรูหรามาก ไม่ดูคุณชายมาก แต่จะมีความกวนนิดๆ ผมเลยรู้สึกว่ามันดูเข้ากันกับตัวทักซิโด้ดี”
คิดว่ามันมีผิดถูกไหมในการแต่งตัวของคนเรา
ไม่มีผิดไม่มีถูกเลย จริงๆ แล้วแต่ความชอบของคน เพราะไม่มีใครสามารถมาตัดสินได้ว่าอันนี้ได้สิบเต็มสิบ แต่งแบบนี้ได้แปดเต็มสิบ คุณตัดสินและให้คะแนนตัวคุณเองได้ ถ้าคุณใส่ออกจากบ้านมา คุณมั่นใจ คุณได้สิบ นั่นคือตัวคุณ ตอบโจทย์กับความเป็นตัวคุณ คุณแฮปปี้ ทุกอย่างก็โอเค
มีไอดอลหรือแรงบันดาลใจในการแต่งตัวไหม
พี่บุรินทร์ (นักร้องนำวง Groove Riders) เค้าเป็นคนสนุก แต่งตัวสนุก เป็นคนที่กล้าใส่สูทสีๆ ถ้าเห็นในอัลบั้มเต็มเมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งคนปกติไม่กล้าและเอาไม่อยู่ เค้าเป็นคนที่เอาอยู่ เค้าเป็นผู้ชายไทยที่เก่งเรื่องร้อง เรื่องเป็นศิลปินแล้ว แต่เทสต์การแต่งตัวก็แปลกและน่าสนใจ
ผู้ชายแบบเอสไควร์ในแบบของคุณ
เมื่อก่อนก็จะอ่านเป็นประจำ แต่ตอนนี้ก็จะดูทางออนไลน์เป็นหลัก ถ้าถามว่าเป็นยังไง ก็น่าจะเป็นผู้ชายที่วัยรุ่น หรือไม่ก็โตขึ้นมาหน่อยแต่ก็ young at heart คือไม่ได้มีช่วงอายุ แต่เป็นผู้ชายชอบเลือก ชอบหาของที่ดี ของใหม่ๆ ทั้งเสื้อผ้า gadget ทุกอย่างต้องแปลกใหม่ น่าสนใจ มีคาแร็กเตอร์ ไม่ซ้ำ
ถ้าให้ออกแบบชุดสูทสำหรับหนุ่มเอสไควร์ประเทศไทย (Esquire Thailand’s signature suit)
แน่นอนเลยว่า ผ้า เท็กซ์เจอร์ และสี ต้องสำคัญ สนุก และ outstanding คือเดินมาต้องดูแตกต่างจากสูททั่วไป มองไกลๆ อาจจะยังไม่เห็นอะไร แต่พอเข้าไปใกล้ๆ ก็จะเห็นดีเทลที่แตกต่างชัดเจน ทรงปกหรือแบบมันมีความพิเศษแตกต่าง จะเป็นสูทที่ดูดีตั้งแต่ 100 เมตร แต่พอเข้ามาใกล้ก็ดูดีขึ้นไปอีก จะเห็นดีเทลที่มันถูกซ่อนอยู่ ที่ไม่ได้ตะโกน ก็เหมือนผู้ชายเอสไควร์เลย ที่ไม่ได้แต่งตัวตะโกน แต่ก็มักจะมีความชอบอะไรบางอย่างซ่อนเอาไว้อยู่
Photographs by Bert Sivakorn
Interview by Bopitr Visetnoi