Review by: Vadfun Kunawong
หากพูดถึงละครเวทีของซีเนริโอ ผลงานที่โดดเด่นในความทรงจำของผู้ชมมักจะเป็นละครเพลงมากกว่าละครพูด แต่ ‘เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี’ ก็เป็นหนึ่งในละครพูดที่นับได้ว่าประสบความสำเร็จมากกว่าเรื่องอื่นๆ ของซีเนริโอ และได้โลดแล่นอยู่บนเวทีถึง 3 ครั้ง รวมถึงครั้งนี้ หลังจากที่ห่างหายไปนานกว่า 13 ปีนับตั้งแต่การรีสเตจครั้งสุดท้าย
เรื่องราวยังคงเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่เดินทางไปงานศพของฝน เพื่อนในกลุ่มที่เสียชีวิตด้วยเหตุปริศนา ถึงบ้านที่เชียงใหม่ และได้พบกับดาว (รับบทโดยนุ่น – ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) พี่สาวของฝนที่รอคอยจะเปิดสาเหตุการตายของน้องสาว เมื่อเอก (รับบทโดยฟิลม์ – ธนภัทร กาวิละ) คนรักของฝนตามมาสมทบ และถึงเวลาที่เธอเชื่อว่าฝนจะกลับมา แต่ก่อนจะถึงเวลานั้นผู้ชมจะได้ฟังเรื่องผีสามรสจากตัวละครในเรื่อง





จุดเด่นที่ ‘เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี’ ขายไว้ตั้งแต่คราวที่แล้วยังคงอยู่ครบถ้วนทั้งประสบการณ์แบบ 4D มีกลิ่น มีเสียงมาประกอบ และเรื่องราวที่ยังค่อนข้างคงเดิมอยู่ ปรุงแต่งใหม่ด้วยฉากโดยวีระชัย วรรัตน์ชัยกุล และทนงศักดิ์ บุญไชยเดชที่มีเค้าเดิมแต่สวยงามขึ้น โดยเฉพาะในเส้นเรื่องเล่าผีที่สาม ที่เปลี่ยนจากการใช้เงาดำ (silhouette) มาเป็นภาพที่ปรากฏชัดต่อสายตาผู้ชม และทรานซิชั่นระหว่างฉากที่ไหลลื่น รวมไปถึงไลน์อัพนักแสดงมืออาชีพที่น่าดึงดูด
ในส่วนของการแสดง ‘เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี’ ภายใต้การกำกับของสันติ ต่อวิวรรธน์ก็ยังคงสไตล์ที่เคยเห็นตั้งแต่ ‘วันสละโสดกับโจทก์เก่าๆ’ คือความเรียบง่ายตรงไปตรงมา โกรธก็ตะโกน เศร้าก็ร้องไห้ กลัวก็กรี๊ด และเราก็ได้เห็น นุ่น – ศิรพันธ์ อัค – อัครัฐ และ ฟิลม์ – ธนภัทร ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างสมบูรณ์ กับการทุ่มเทอารมณ์อย่างเต็มเปี่ยมจนล้นเอ่อออกมา เหมือนกับได้ชมละครช่องวันแบบเล่นสดๆ ต่อหน้า
คนโดดเด่นและได้รับเสียงหัวเราะและปรบมือจากคนดูมากเป็นพิเศษคือตั้ม – วราวุธ โพธิ์ยิ้ม ที่เรียกเสียงฮาได้ตลอดเรื่อง กับทั้งบทจ๋องและดีเจหนุ่มที่ต้องจัดรายการในคืนหลอน ด้วยการแสดงที่คล่องแคล่วและจังหวะคอมเมดี้ที่คมกริบ ซึ่งมีแนวโน้มจะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในรอบการแสดงต่อๆ ไป เมื่อจังหวะการพูดและช่วงเงียบของเขาลงตัวมากขึ้น เพื่อให้มุขตลกที่แฝงอยู่ในบทพูดได้ส่องประกายอย่างเต็มที่






ท่ามกลางนักแสดงทั้งหน้าเก่าและใหม่บทเวที ‘เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี’ สองดาวรุ่งที่เปล่งประกายในครั้งนี้คือ มีน อาลามินา (พัทฑรียา พยอม) ในบทหนุน และพุฒิพงษ์ จีรังกุลฤทธิ์ในบทหมอ ที่มอบการแสดงที่พอเหมาะกับตัวละครจนผู้ชมไม่อาจละสายตาจากพวกเขาได้ทุกครั้งที่ปรากฏตัวบนเวที เช่นเดียวกับเอกรัฐกรณ์ ภิรมย์ปภาโชคที่แสดงได้น่ารักน่าหยิก
อย่างไรก็ตาม ‘ตัวละคร’ ที่โดดเด่นที่สุดของการแสดงครั้งนี้อาจไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้น แต่เป็นเสียง — ทั้งดนตรี เอฟเฟกต์เสียง และการทำฟอลีย์ (foley) โดยทีมที่ประกอบด้วยนคร โฆสิตไพศาล, ณัฐพากย์ กวีธรรมวงษ์, ณจันทร์ เลิศอภิสิทธิ, พงศกฤษฏิ์ ฉายเฉลิมวงศ์, สุชาดา สุพรมอินทร์, เหมหิรัญ ศรีดำรงค์, พนิดา พานคร้าม และกฤตวัฒน์ ชุมวิสูตร องค์ประกอบด้านเสียงที่คาดเดาได้ยากนี้กลายเป็นตัวชูรสสำคัญตลอด 90 นาทีในโรงละคร ทั้งขยายความน่ากลัว และชวนให้ผู้ชมสะดุ้งได้เป็นอย่างดี ซึ่งต้องปรบมือให้กับทีมเสียงที่ปล่อยจังหวะได้อย่างแม่นยำที่ทำให้ละครเรื่องนี้ส่งมอบประสบการณ์ความสยองได้อย่างสมบูรณ์
‘เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี’ นับเป็นละครเวทีที่มอบประสบการณ์ละครผีที่สนุกสนานและดูเพลิน โดยเฉพาะสำหรับแฟนละครช่องวัน นี่คือโอกาสอันดีที่จะได้สัมผัสรูปแบบการแสดงที่คุ้นเคยในรูปแบบสดๆ ตรงหน้า ควบคู่ไปกับเรื่องเล่าสยองขวัญที่สร้างความตื่นเต้นแต่ไม่ถึงกับน่ากลัวเกินกว่าที่ใจจะรับไหว พร้อมการรผสมผสานองค์ประกอบ 4D ที่มีทั้งรูป กลิ่นและเสียงประกอบที่มาเติมเต็มบรรยากาศสยอง ร่วมกับการแสดงที่เข้มข้นของนักแสดงมืออาชีพ
ละครเวที ‘เรื่องเล่าคืนเฝ้าผี’ เปิดแสดง 6-23 มีนาคม 2568 นี้ ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ บัตรเริ่มต้นราคา 800 บาท จองบัตรได้ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกช่องทาง
Photographs Courtesy of The Studio