กลับมาอีกครั้งในรอบ 3 ปีกับรูปลักษณ์เดิมแต่มาพร้อมประสิทธิภาพที่เหนือกว่ากับ iPad mini 7 การกลับมาคราวนี้เรียกได้ว่าช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตได้อย่างเหนือระดับไปอีกขั้นไม่ว่าจะเป็น
- การใช้ชิป A17 Pro ที่ให้ประสิทธิภาพดีขึ้นและการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพพร้อมความรวดเร็วที่แรงกว่าเดิมถึงสองเท่า
- หน้าจอนั้นมีการนำ Liquid Retina ขนาด 8.3 นิ้ว
- กล้องหน้า Ultra-Wide 22MP ปรับปรุงให้เหมาะกับการถ่ายแนวตั้ง, กล้องหลัง 12MP พร้อมฟีเจอร์ Smart HDR 4
- รุ่นเริ่มต้นเพิ่มความจุเป็น 128GB จาก 64GB ในรุ่นก่อน พร้อมมีตัวเลือกขนาด 256GB และ 512GB
- พร้อมรับรองรับ Apple Pencil Pro ให้คุณสามารถใช้สอยด้านต่างๆ อย่างไม่สะดุด
- แบตเตอรี่นั้นใช้งานได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
- มาพร้อม iOS 18
- สามารถใช้ Apple Intelligence ได้อีกด้วย
ความโดดเด่น
เนื่องจาก iPad รุ่นนี้สามารถใช้งาน Apple Intelligence จึงทำให้สนุกไปกับฟีเจอร์ต่างๆ อย่างเช่นการแต่งภาพที่น่าจะตอบโจทย์ใครหลายๆ คนเลยทีเดียว รวมถึงการใช้ ChatGPT และ Siri ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ได้ดีกว่าเดิม
หลังจากที่ได้ลองใช้มาประมาณ 1 สัปดาห์กว่าๆ รู้สึกว่าตอบโจทย์ในการพกพา ทำงานสะดวก ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวิดิโอหรือแต่งรูป ในการทำคอนเท้นต์ต่างๆ ประมวลผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วต่อการทำงาน รวมถึงการเล่นเกมต่างๆ ค่อนข้างลื่นไหล ไม่กระตุก และสำหรับการชมภาพยนตร์นั้นอาจจะไม่ใหญ่จุใจแต่ถ้าเทียบกับขนาดที่สะดวกต่อการพกพาแล้ว เรียกได้ว่าทำได้ดีทีเดียวครับ และยังมาพร้อมWiFi 6E ที่ประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนๆถึง 2 เท่า เลยทำให้การดาวน์โหลดไฟล์ได้รวดเร็ว มาพร้อมกับพอร์ต USB-C
นอกจากนี้แล้วยังมีกล้องใหม่สามารถรองรับ HDR 4 พร้อมฟีเจอร์ AI ที่สามารถใช้งานร่วมกับ Apple Pencul Pro ได้ดียิ่งขึ้นและ iPad รุ่นนี้แจะไม่สามารถใส่ SIM ได้แล้วแต่จะใช้ eSIM มาแทนที่แทนในรุ่น WiFi+Cellular
โดยรุ่นนี้มีสีตัวเลือกมี 4 สี ได้แก่ Starlight, Space Gray, Blue และ Purple
แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกนั้นอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่เชื่อว่าคนที่ชอบความกะทัดรัด ขนาดเบาต้องบอกเลยว่าการกลับมาคราวนี้ เรียกได้ว่าตอบโจทย์สายงานคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และผู้ที่ชื่นชอบเสพเอนเตอร์เทนต์ หากใครกำลังต้องการอัพเกรดจากรุ่นเก่าเป็นรุ่นใหม่แล้วล่ะก็ถือเป็นเวลาอันสมควรทีเดียวครับ หรือใครกำลังมองหาเป็นของขวัญสิ้นปีก็ถือว่าตอบโจทย์
