เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของ Sincere Fine Watches ทาง Franck Muller ภูมิใจนำเสนอเรือนเวลารุ่น Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition ที่มีเพียง 28 เรือนในโลก เพื่อแสดงถึงความทุ่มเทของแบรนด์ให้กับการสร้างสรรค์ซึ่งนวัตกรรมและงานหัตถศิลป์
Franck Muller ได้กลายเป็นตัวแทนของเครื่องบอกเวลาชั้นสูงอันร่วมสมัย โดยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากจิตวิญญาณอันเป็นอิสระอย่างแรงกล้าและความเชี่ยวชาญในการผลักซึ่งพรมแดนต่าง ๆ ด้วยการนำเสนอวัสดุและงานออกแบบใหม่ ๆ เฉกเช่นผลงานเรือนเวลา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition นี้ที่นับเป็นมรดกแห่งตำนานซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าอันสำคัญในงานฝีมือชั้นสูงแห่งการผสมโลหะหรือโลหะวิทยา
สำหรับรุ่น Sincere Platinum Jubilee Edition นี้ใช้เหล็กดามัสกัส ซึ่งเป็นวัสดุที่ผสมผสานโลหะผสมเหล็กต่างๆ เข้าด้วยกัน มีต้นกำเนิดมาจากเมืองดามัสกัสในซีเรีย เป็นวัสดุอันโดดเด่นและมีชื่อเสียงจากคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งอันน่าทึ่ง รวมถึงลวดลายชั้นต่าง ๆ อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ดามัสกัส สตีลได้กลายเป็นรู้จักและมีชื่อเสียงทั่วโลก ด้วยเพราะความทนทานและรูปลักษณ์อันโดดเด่นสะกดสายตา
สำหรับเรือนเวลา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition นี้รังสรรค์ขึ้นจากโลหะผสมคุณภาพสูงของ สเตนเลสสตีลสองชนิดซึ่งไม่ได้รับอิทธิพลและไม่เป็นแม่เหล็ก (316L และ 304L) โดยการสร้างสรรค์ขึ้นจากผงของโลหะผสม และมอบซึ่งความแข็งแกร่งที่มิอาจเทียบเคียงได้ เช่นเดียวกับความทนทานต่อการสึกกร่อน นวัตกรรมวัสดุนี้ผสมผสานระหว่างสตีลสองประเภทซ้อนกันอันเป็นกระบวนการผลิตที่ได้รับการปกป้องโดยสิทธิบัตรสากล ซึ่งรับรองได้ถึงความมั่นใจในประสิทธิภาพด้านความทนทานสูงต่อแรงกระแทกและขจัดสิ่งเจือปน จึงช่วยให้กลไกนาฬิกาสามารถทำงานได้อย่างไร้อุปสรรค
การเลือกใช้ Damascus Steel ในเรือนเวลารุ่น Sincere Platinum Jubilee Edition นับเป็นตัวเลือกอันเป็นอิสระและสมบูรณ์แบบ สำหรับร่วมถ่ายทอดถึงสัญลักษณ์แห่งความผูกพันอันกล้าหาญและเข้มแข็งระหว่าง Sincere Fine Watches และ Franck Muller ด้วยความโดดเด่นของการเป็นวัสดุที่ประกอบขึ้นจากชั้นต่าง ๆ อันซับซ้อนละเอียดอ่อนของโลหะผสมสองชนิด ที่สร้างรูปเป็นตัวเรือนของเรือนเวลานี้ เสมือนตัวแทนถึงสัมพันธภาพอันมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวระหว่างสองชื่อ เมื่อ Franck Muller ได้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1991 ขณะที่ Sincere ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วในฐานะหนึ่งในผู้ค้าปลีกรายแรก ๆ ของแบรนด์ในภูมิภาค ก่อนที่ในที่สุดยังได้กลายเป็นตัวแทนจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟของแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับจากปี ค.ศ. 1992 และนับจากนั้นเป็นต้นมา ทั้งสองบริษัทได้เดินหน้าพัฒนาสัมพันธภาพอันเข้มแข็ง โดยการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และบรรลุถึงความสำเร็จสำคัญมากมายร่วมกัน
โดยทั้งตัวเรือน กลไกแบบสเกเลตันทั้งหมด เม็ดมะยม และหัวเข็มขัดสายนาฬิกาได้ผ่านการตัดอย่างละเอียดอ่อนจากบล็อกเดียวกันของดามัสกัส สตีล ด้วยเครื่องจักร CNC ภายในโรงงานการผลิตของแบรนด์เอง ทำให้เรือนเวลาแต่ละเรือนนั้นมีลวดลายริ้วเส้นเฉพาะตัว ซึ่งเผยหลังผ่านกระบวนการแช่ในน้ำกรดอันแม่นยำและควบคุมการผลิตภายในโรงงานของแฟรงค์ มุลเลอร์ เช่นเดียวกับการแช่กลไก สเกเลตันลงในน้ำกรดซึ่งจำเป็นต้องควบคุมด้านเวลาอย่างเข้มงวดและระมัดระวัง โดยใช้เวลาเพียงสองถึงสามนาทีเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนรูปหรือการหดตัวของวัสดุ
ตัวเรือนอันน่าประทับใจ พร้อมทั้งกลไกสเกเลตัน เม็ดมะยม และหัวเข็มขัดสาย ทั้งหมดล้วนทำจากดามัสกัส สตีล ที่นับเป็นองค์ความรู้ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีที่สอดแทรกอยู่ในผลงานแต่ละเรือนของนาฬิกาและถ่ายทอดไว้อย่างชัดเจน ด้วยความแตกต่างจากสตีลทั่วไป ที่ดามัสกัส สตีล จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการขัดเงาอันพิถีพิถันเพื่อให้ยังคงรักษาไว้ซึ่งงานออกแบบอันโดดเด่น และมั่นใจได้ถึงการตกแต่งอันไร้ที่ติซึ่งสะท้อนถึงความทุ่มเทให้กับความล้ำเลิศของ Franck Muller
งานสเกเลตันหรือโอเพนเวิร์ก (openworked) กลไกคาลิเบอร์ MVT FM 1740-VS2 อันเย้ายวนใจยังได้หลอมรวมอยู่ในเรือนเวลา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition ด้วยการรังสรรค์สไตล์สเกเลตันสู่มิติอันประณีตละเอียดอ่อน พร้อมทั้งเผยสถาปัตยกรรมอันซับซ้อนของสะพานจักรทำจากดามัสกัส สตีล โดยการทำงานภายในอันวิจิตรประณีตนี้ยังได้ล้อมกรอบอย่างสมบูรณ์-แบบด้วยขอบโรสโกลด์ ซึ่งเสริมความสง่างามอย่างกลมกลืนด้วยเข็มชี้แสดงชั่วโมง นาที และวินาที ตลอดจนอินเสิร์ต ด้านข้าง และฝาเม็ดมะยม ทั้งหมดรังสรรค์อย่างประณีตไร้ที่ติจากโรสโกลด์ พร้อมทั้งวงแหวนหน้าปัดย่อยวินาทีทำจากแซฟไฟร์สีขาวที่จัดวางไว้ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ซึ่งยังคงตกแต่งด้วยมาร์กเกอร์วินาทีโรสโกลด์อันสง่างาม
ทำงานด้วยความถี่ 2.5 เฮิรตซ์ และสำรองพลังงานได้นาน 7 วัน ที่กลไกสเกเลตันคาลิเบอร์ เอ็มวีที เอฟเอ็ม 1740-วีเอส2 (MVT FM 1740-VS2) คือบทพิสูจน์ของงานหัตถศิลป์อันหาที่เปรียบมิได้ของ Franck Muller โดยตอกย้ำความโดดเด่นผ่านความหลากหลายของเทคนิคงานฝีมือการตกแต่งอันละเอียดอ่อนพิถีพิถันที่นำมาใช้ โดยเฉพาะการประกอบ Regulator ที่ผ่านการตกแต่งด้วยงานขัดเงาดุจกระจก ขณะที่แท่นเครื่อง สะพานจักร และการประกอบเรกูเลเตอร์ได้มอบซึ่งความสวยงามของการขัดขอบอันแม่นยำ ส่วนงานวาดบนขอบด้านข้างยังช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับความแท่นเครื่องและสะพานจักร ด้วยการเพิ่มมิติอันลุ่มลึกให้กับงานออกแบบสไตล์สเกเลตันอันซับซ้อน เช่นเดียวกับร่องโพรงต่าง ๆ ภายในจักรกลซึ่งผ่านการตกแต่งอย่างประณีตด้วยงานขัดเงาด้วยเพชร ขณะที่เฟืองต่าง ๆ ผ่านการขัดด้านแบบซาตินลายวงกลม ตอกย้ำถึงรายละเอียดอันประณีตวิจิตร ขณะที่งานขัดด้านแบบซาตินบนแท่นเครื่องและสะพานจักรยังเสริมซึ่งสุนทรียะความสวยงามอันซับซ้อนทันสมัยของกลไก และมอบเป็นผลลัพธ์ของเรือนเวลาอันน่าทึ่งทั้งในด้านสุนทรียะภาพและความน่าประทับใจเชิงเทคนิคเช่นกัน
เสริมเสน่ห์ให้กับงานออกแบบอันโดดเด่นของเรือนเวลา Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition คือสายนาฬิกาหนังจระเข้สีดำเพรียวบาง และเน้นย้ำโดยการเย็บตะเข็บด้วยสีโรสโกลด์ ทุก ๆ รายละเอียดของงานออกแบบยังล้วนผ่านการสร้างสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน ซึ่งรวมไปถึงหัวเข็มขัดสายที่รังสรรค์จากดามัสกัส สตีล และประทับไว้ด้วยตราสัญลักษณ์ FM ทำจากโรสโกลด์ ความเอาใจใส่ในรายละเอียดนี้ได้ร่วมตอกย้ำถึงความทุ่มเทของแบรนด์ให้กับการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่ไม่เพียงมอบความเหนือล้ำทางเทคนิค แต่ยังถ่ายทอดความน่าทึ่งแห่งภาพและรูปลักษณ์อีกด้วย
Vanguard Damascus Steel Sincere Platinum Jubilee Edition นับเป็นตัวแทนแห่งจิตวิญญาณด้านนวัตกรรมของแบรนด์อย่างแท้จริง โดยการผลักซึ่งพรมแดนใหม่ ๆ แห่งการสร้างสรรค์วัสดุและงานออกแบบ เช่นเดียวกับในเรือนเวลารุ่นพิเศษนี้อันเป็นดั่งหลักฐานถึงความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคการผลิตด้วยเครื่องจักรอันซับซ้อนทันสมัย และเกิดขึ้นภายในโรงงานการผลิตของตนเอง โดยผ่านการสำรวจถึงโอกาสและความเป็นไปได้ต่าง ๆ ของวัสดุอันแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว ขณะเดียวกัน Franck Muller ก็ยังคงเดินหน้านำเสนอคอลเลกชันเรือนเวลาอันมิอาจเทียบเคียงได้ ที่ผสมผสานไว้ด้วยประเพณีและความทันสมัยอย่างสมบูรณ์แบบ