Hip-Hop เป็นเหมือนวัฒนธรรมการไม่ยอมแพ้ มันไม่ใช่แค่เพลง มันคือคําสอน มันคือชีวิต

“Work hard until you don’t have to introduce yourself” ประโยคนี้คงไม่เกินจริงหาก ผมจะใช้เกริ่นนำถึงสุภาพบุรษนาม ‘ขันเงิน เนื้อนวล’ หรือ ขัน ไทยเทเนี่ยม ศิลปินแรปเปอร์ไทยที่วันนี้ไม่ ได้อยู่ในผับแต่รับบทบาทนักธุรกิจผู้ถือหุ้นใหญ่ ทว่าตลาดหลักทรัพย์และฮิปฮอปเป็นภาพที่อาจรับรู้ได้ โดยคนทั่วไป แต่คัลเจอร์ที่หลากหลาย สู่ชีวิตที่ผลัดใบ เปรียบเสมือนเสียงภายในที่ผลักดันให้ทุกวันมี ความหมายในแบบชายผู้ชื่อ ขันเงิน
ESQ : พูดถึง Esquire นึกถึงอะไร?
ขัน : นึกถึง Men’s Magazine ที่ผมชอบ เพราะว่า มันมีความเนี้ยบ มีความเป็น Gentlemen มีสไตล์ที่เราอยากติดตาม ซึ่งผมรู้จัก Esquire มาตั้งแต่อยู่ ที่อเมริกาแล้วครับ
ESQ : คำว่า “สุภาพบุรุษ” หมายถึงอะไร?
ขัน : สุภาพบุรุษคือการที่เราเปิดใจมองโลกให้กว้าง เพื่อที่จะได้เข้าใจคนอื่น เป็นสิ่งที่ไม่พยายามที่จะต้อง เป็นแต่มันมาจากใจ ในคำว่า Gentlemen มันมีคำว่า “Gentle” อยู่มันต้องมีความไนซ์ แต่ไม่จำเป็นต้อง ดูเรียบร้อยหรืออ่อนน้อมตลอดเวลา เราสามารถเป็น ตัวของตัวเองพร้อมกับการเป็นสุภาพบุรุษได้
ESQ : Hip-Hop Culture มีความหมายกับขันยังไง?
ขัน : มันคือ DNA ของผม ไม่ว่าเราจะแต่งตัวแบบไหน จะใส่รองเท้าแตะ จะทำอะไร จะกินอะไร มัน คือ Identity ของเราแต่พอในยุคนี้มันก็จะเบาลง แต่สิ่งที่ยังคงสำคัญที่สุดคือการใช้ภาษาในเพลง เรื่องราวที่เล่าบ่งบอกถึงตัวตนของเรา Hip-Hop เป็น เหมือนวัฒนธรรมของการไม่ยอมแพ้มันไม่ใช่แค่เพลง มันคือคำสอน มันคือชีวิต
ESQ : แต่ละเพลงที่เขียนออกมาเป็นเรื่องจริงมั้ย?
ขัน : จริงๆ แล้วการเขียนเพลงมันก็เหมือนกันเขียนบันทึก เหมือนเป็น Documentary มันคือการที่เราเอาเรื่องรอบตัวของเราที่มันเกิดขึ้นจริงๆ มาดัดแปลง ให้เข้ากับตัวเรา เรื่องราวของเรา ดนตรีของเรา
ESQ : Role Model คือใคร?
ขัน : สำหรับผมไม่ได้มีคนเดียว มนุษย์เราไม่มีใคร สมบูรณ์แบบ เพราะฉะนั้นผมก็เลยมี Role Model หลายคนเราชอบส่วนนี้ของคนนี้ ชอบส่วนนั้นของคนนั้น เราก็เอามันมาปรับใช้ อย่าง Jay-Z ผมชอบเรื่องการตอบสัมภาษณ์ ไม่เคยตายสามารถพลิกแพลงคำ ตอบได้ตลอดเวลา หรือ Keanu Reeves ผมสงสัย มากว่าทำไมเขาเป็นคนที่ไนซ์ขนาดนี้ แล้วก็รู้สึกว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่เราชอบ ผมคิดว่าถ้าเราลองใช้ ชีวิตแบบเขา โลกคงจะสดใสขึ้นครับ
ESQ : อะไรคือสิ่งที่ผู้ชายคิดว่าง่ายแต่จริงๆ แล้ว มันยาก?
ขัน : ที่นึกออกตอนนี้เลยคือการเป็นคน Nice ครับ เพราะการที่จะเป็นคน Nice จริงๆ มันจะต้องมาจากใจ ถ้าเกิดว่าเราฝืนหรือพยายามจะเป็น เราทำตัวดีแค่ สองหรือสามครั้งหรือแค่ตามสถานการณ์ ถ้ามีอะไร มาทำ ให้เราหลุด นิสัยจริงๆ ของเรามันก็จะถูกเผยออกมา มันจึงเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยากครับ แต่มันฝึกกันได้อยู่แล้วครับถ้าตั้งใจจริงๆ
ESQ : วิธีที่ใช้ในการก้าวข้ามช่วงเวลายากลำบาก?
ขัน : สมาธิอันดับแรกเลยที่ต้องมีเพราะเวลาที่เรา เจอเรื่องแย่ๆ ยากๆ มันจะโฟกัสไม่ได้ จะมีคำถาม เกิดขึ้นในหัวว่าทำไมต้องเป็นเรา ทำไมเราถึงโชคร้ายขนาดนี้ คิดถึงแต่ด้านลบ คิดว่าตัวเองเป็นเหยื่อ แต่สำหรับผม ผมจะคิดว่านี่คือจุดที่ยากที่สุดแล้วสมาธิ จะช่วยแก้มันให้ได้ดีที่สุด ถ้าเราแก้จุดนี้ได้ จุดอื่นมัน ก็ไม่เท่าไหร่แล้ว บางอย่างมันแก้ไม่ได้ทั้งหมด แต่เราก็แก้ไปถึงจุดที่เราสงบหรือสบายใจ ไม่เดือดร้อนใคร ชีวิตมันขึ้นอยู่กับเรา
ESQ : หาสมาธิกับความสงบได้จากไหน?
ขัน : อยู่กับตัวเองครับ มากคนก็มากความ (หัวเราะ) แต่จริงๆ ผมก็เป็นคนที่ชอบเข้าสังคมนะ ไปสนุกกับคนอื่นๆ อะไรแบบนี้ แต่พอมีเวลาหน่อยก็จะชอบอยู่ กับตัวเองเวลาคิดเพลงทำเพลงก็จะเริ่มที่ตัวเองก่อน แล้วค่อยไปทำร่วมกับคนอื่น เพราะเราโตมาแบบนั้น ทำอะไรคนเดียวมาโดยตลอด ความทะเยอทะยานต่างๆ มันอยู่ที่เราไม่ได้ขึ้นอยู่กับใคร
ESQ : ภูมิใจอะไรในตัวเอง?
ขัน : ภูมิใจที่ตระหนักรู้ได้ (หัวเราะ) ช่วงเวลาที่เราตระหนักกับตัวเองได้ ทุกอย่างมันจะโล่งครับ เพราะชีวิตคนเราก็มีเวลาแค่นี้เราจะคิดมากไปทำไม อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปกินข้าวกับคุณแม่ก็ไป ใช้เวลาให้มันถูกต้อง ยิ่งโตยิ่งคิดได้ว่าอะไรที่มันสำคัญกับเรา ที่ผมตระหนักได้ก็ต้องขอบคุณประสบการณ์ ที่สั่งสมมาตอนเด็กๆ ผมก็เกเร ทำอะไรไม่เป็นชิ้น เป็นอันสักอย่าง จุดเปลี่ยนชีวิตของผมคือการที่คุณพ่อผมจากไปตอนที่ผมอายุประมาณ 13 ปี มันทำให้ ผมคิดได้ว่าสิ่งที่แน่นอนที่สุดในชีวิตคนคือความไม่แน่นอน เพราะฉะนั้นเวลาทำอะไรก็เลยตั้งใจทำให้ ดีที่สุด ไม่คิดเยอะ เอนจอยกับช่วงเวลาต่างๆ ไม่มุ่ง ไปที่จุดหมายอย่างเดียว เพราะบางทีการที่เรามุ่งไป ที่เป้าหมายมากเกินไป จะทำให้เราลืมสิ่งที่ผ่านเข้า มาจนไม่ได้สังเกตุว่าถนนรอบข้างก็อาจจะมีดอกไม้ ที่สวยงามกว่าปลายทางของเราก็ได้
ESQ : โมเมนต์ที่ดีที่สุดของวัน?
ขัน : ช่วงเวลาที่ตื่นนอนขึ้นมา เราได้มีอีกวันหนึ่งเพราะมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาอีกได้ เราตื่นมา เราหายใจ และเราสามารถได้ไปทำสิ่งที่เราต้องการ ไปหาคุณแม่ ไปทักทายเพื่อน แค่นั้นเราก็มีความสุขแล้ว
ESQ : หัวเราะหรือเสียน้ำตาครั้งล่าสุดให้กับอะไร
ขัน : ผมเป็นคนที่หัวเราะตลอดเวลานะ (หัวเราะ) เป็นคนมองโลกในแง่ดี เอ็นจอยได้กับทุกเรื่องเพราะ ความสุขมันก็เกิดจากตัวเรา ส่วนน้ำตา จริงๆ การได้ เล่าเรื่องนี้ พูดคุยตอนนี้ ผมก็มีนํ้ำตาอยู่บ้างนะ เวลา ที่เราได้สื่อสารเรื่องราวดีๆ ส่งต่อเรื่องดีๆ ให้คนอื่น มันเป็นน้ำตาแห่งความสุขครับ
ESQ : เรื่องเกี่ยวกับขันที่บอกแล้วเราแทบไม่เชื่อ?
ขัน : ผมเป็นคนขี้อาย ไม่ชอบสปอร์ตไลท์ สมมติว่าแสงมันส่องมาที่ผม ผมก็จะเดินหลบไปอีกฝั่ง ซึ่งทั้งสองอย่างที่พูดมามันจะตรงข้ามกับอาชีพของผม ผมถามตัวเองตลอดว่าเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ หลบสปอร์ตไลท์ได้ไง เวลามันส่องมาก็ต้องแสดงสิวะ โอกาสมาแล้วทำ ไม่ไม่คว้ามา แต่ด้วยความเป็นตัว ผมมันจะมีอีกเสียงบอกว่า พอแล้วล่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว อย่าทำมากเกินไปเลย ผมเลยกลายเป็นคนที่ทำอะไร พอดีๆ แต่ผมก็มีร่างสองที่เป็นตัวเองอยู่เหมือนกัน จะโผล่ออกมาเวลาไปดื่มซึ่งผมก็โอเคกับร่างนี้นะ คนเราก็มีหลายมุม ร่างนี้ทำให้เราได้ปลดปล่อยได้อยู่กับ เพื่อน มันก็สนุกดีครับ
ESQ : ยังตามหาความหมายของชีวิตอยู่มั้ย?
ขัน : หัวข้อนี้เป็นสิ่งที่ทะเลาะกับตัวเองตลอด มันจะมีเสียงหนึ่งที่มีมาตั้งแต่ยังเด็กประมาณว่าพอแล้วเหรอ ไม่ไปต่อแล้วเหรอ จนมีคำถามว่าฝันต่อไปคือ อะไร ใช่ ในส่วนธุรกิจตอนนี้เราก็ต้องทำให้บริษัท มีผลกำไรเพื่อผู้ถือหุ้นหรือผู้ที่ร่วมลงทุนของเรา แต่ส่วนตัวจริงๆ ตอนนี้ผมมีความสุขกับการที่ได้อยู่กับครอบครัวมันสำคัญ และสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดก็เพื่อครอบครัว เราจะวางแผนหรือวาดฝันอะไรยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ได้ แต่อย่าลืมคนรอบตัว เพราะเวลามันจะนับถอยหลังตลอด และเวลาไม่เคยรอใคร
ESQ : Man At His Best คืออะไร?
ขัน : คนที่ผลักดันตัวเองตลอดเวลา ทำสิ่งต่างๆ ออกมาให้ดีที่สุด และรู้จักกับความพอดี ไม่หมกมุ่นกับอะไรมากเกินไปไม่ทำ อะไรที่มากเกินพอดีจนสูญเสียตัวตน
STORY BY PARON S.