Montblanc ร่วมระลึกถึง Mark Maker นักปีนเขาระดับตำนาน ด้วยนาฬิกาจำนวนจำกัด รุ่น 1858 Geosphere 0 Oxygen Chronograph โดยไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ (Reinhold Messner) เกิดในปี ค.ศ. 1944 ที่ภูมิภาคไทโรลใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคภูเขาทางตอนเหนือของอิตาลี เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักปีนเขาที่มีความสามารถมากที่สุดในโลก การบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของเขายังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักปีนเขาทั่วโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยังคงมีนักปืนเขาอีกหลายคนที่พยายามเดินตามรอยของเขาอยู่จวบจนถึงทุกวันนี้
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของ ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ (Reinhold Messner)
เมสเนอร์ (Messner) เป็นบุคคลแรกที่ปีนยอดเขาสูงกว่า 8,000 เมตรทั้ง 14 แห่งของโลก และเส้นทางที่เขาใช้ในการพิชิตยอดเขาสูง “Seven Summits” ได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การปีนเขาในชื่อ “Messner’s List” นอกจากนี้ เมสเนอร์ยังเป็นคนแรกที่ปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ร่วมกับนักปีนเขา ปีตาร์ ฮาบาลา (Peter Habeler) และยังเป็นคนแรกที่ปีนยอดเขาเอเวอเรสต์เพียงลำพังโดยไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ จากอุปกรณ์ออกซิเจนเสริม ความสำเร็จของเมสเนอร์ยังรวมถึงการข้ามทวีปแอนตาร์กติกาทั้งหมดด้วยการใช้สกีเป็นพาหนะเดียว การข้ามเกาะกรีนแลนด์ด้วยการเดินเท้า และการเดินข้ามทะเลทรายโกบีทั้งหมดเพียงลำพัง
การเฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 80 ปี
ในปี 2024 นักปีนเขาระดับตำนานผู้เป็น Mark Maker ของ Montblanc ได้เฉลิมฉลองวันเกิดครบรอบ 80 ปีของเขา และเพื่อเป็นการรำลึกถึงก้าวสำคัญนี้รวมถึงให้เกียรติแก่มรดกของเมสเนอร์ Montblanc รังสรรค์นาฬิการุ่น 1858 Geosphere Chronograph 0 Oxygen Limited Edition จำนวนจำกัดเพียง 290 เรือน โดยตัวเลขดังกล่าวสื่อถึงความสูง 29,031 ฟุตของยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกซึ่งเขาได้พิชิตมาหลายครั้ง
Montblanc 1858 Geosphere Chronograph O Oxygen Limited Edition
นาฬิการุ่นนี้มาพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมขัดเงาน้ำหนักเบาขนาด 44 มม. ด้านบนเป็นขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำแบบหมุนได้สองทิศทาง มีการตกแต่งแบบขัดด้านพร้อมสัญลักษณ์ทิศทางหลัก การใช้ไทเทเนียมเป็นที่นิยมในหมู่นักปีนเขาเนื่องจากต้องคำนึงถึงน้ำหนักของอุปกรณ์หน้าปัด sfumato glacier สีแดงได้รับแรงบันดาลใจจากธารน้ำแข็งสีแดงในแอนตาร์กติกา โดยหน้าปัดนี้สะท้อนพื้นผิวของน้ำแข็งที่มีเครือข่ายผลึกที่ซ้อนทับกันอย่างประณีตและถูกแช่แข็งมาตลอดหลายพันปี ผลิตด้วยเทคนิคพิเศษที่เรียกว่า gratte boise ซึ่งการสร้างหน้าปัดแต่ละชิ้นใช้เวลานานกว่าหน้าปัดมาตรฐานถึงสี่เท่า
Zero Oxygen
นาฬิการุ่นใหม่ 1858 Geosphere Chronograph 0 Oxygen Limited Edition ถูกออกแบบให้ไม่มีออกซิเจนภายในตัวเรือน ซึ่งนวัตกรรมที่ไม่ธรรมดานี้มีประโยชน์มากมายสำหรับนักปีนเขาที่ต้องการให้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างไร้ที่ติในสภาพอากาศที่เลวร้าย สมกับการเป็นรุ่นนาฬิกาที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อยกย่อง Reinhold Messner และความสำเร็จมากมายของเขา การไม่มีออกซิเจนภายในกลไกไม่เพียงแค่ช่วยขจัดการเกิดฝ้าบนเรือยหน้าปัด เมื่อเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างฉับพลัน แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชั่นอีกด้วย นาฬิกาแต่ละเรือนมาพร้อมกับใบรับรอง Zero Oxygen เป็นหลักฐานของเทคโนโลยีที่มองไม่เห็นนี้นอกจากจะปราศจากออกซิเจนแล้ว วิศวกรของ Montblanc ยังได้เลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นเฉพาะที่สามารถทำงานได้ในอุณหภูมิต่ำถึง -50°C ความแม่นยำของกลไกนาฬิกาขึ้นอยู่กับการหล่อลื่นของชิ้นส่วนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องใช้งานในสภาพอากาศที่มีความรุนแรง น้ำมันเหล่านี้ช่วยให้นาฬิกา Montblanc 1858 Geosphere Chronograph 0 Oxygen สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาวะอากาศที่เลวร้ายได้อย่างไร้ปัญหา
ใต้หน้าปัด
นาฬิการุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไก Montblanc Manufacture Automatic Chronograph รุ่น Calibre MB 29:27 ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชันเวลาโลก สำหรับการแสดงเวลาของโครโนกราฟนั้น มีเข็มวินาทีของโครโนกราฟตรงกลาง หน่วยนาทีของโครโนกราฟในหน้าปัดย่อยที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และหน่วยชั่วโมงของโครโนกราฟที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ปุ่มเริ่ม/หยุดจะอยู่ที่ตำแหน่ง 2 นาฬิกา และปุ่มรีเซ็ตจะอยู่ที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา โครโนกราฟนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันเวลาโลก โดยมีลูกโลกหมุนแสดงทั้งซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ สเกล 24 ชั่วโมง การแสดงกลางวัน/กลางคืน และการแสดงวันที่ผ่านดิสก์
จากยอดเขา K2
เมื่อพลิกด้านนาฬิกา คุณจะพบการแกะสลักสีที่เป็นเอกลักษณ์ของยอดเขา K2 บนฝาหลังของตัวเรือน ภาพที่ใช้มาจากหนึ่งในภาพถ่ายของ Messner เอง ซึ่งเขาถ่ายจากยอดเขาในครั้งแรกที่ปีนในปี ค.ศ.1979 K2 เป็นยอดเขาที่เขาชื่นชอบมากที่สุดจากทั้ง 14 ยอดเขา และด้วยสภาพอากาศในวันนั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เขาสามารถมองเห็นได้ไกลถึง 200 กม. Messner นั่งอยู่ที่นั่นเพียงชั่วครู่ เพลิดเพลินกับความงามของทิวทัศน์และบันทึกช่วงเวลานั้นด้วยกล้องของตนเองก่อนที่จะลงจากเขา ขณะนี้ ช่วงเวลาเหล่านั้นได้ถูกบันทึกไว้ตลอดกาลบนฝาหลังของนาฬิกา ขอบคุณเทคนิคการแกะสลักด้วยเลเซอร์ของ Montblanc ภาพนี้จึงแสดงถึงความสัจจริงต่อภาพถ่ายต้นฉบับ เกิดขึ้นด้วยกระบวนการออกซิเดชั่น (Oxidation) ที่สร้างด้วยเลเซอร์ซึ่งทำให้เกิดความลึกสามมิติด้วยการจัดระเบียบโลหะด้วยการตกแต่งทั้งแบบเนื้อด้านและมันเงาเพื่อเพิ่มความแตกต่าง นาฬิกาได้รับการติดตั้งด้วยสายหนังผ้าเท็กซ์ไทล์ (textile) สีดำที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ มีการเย็บด้ายสีแดง ชวนให้ระลึกถึงความมหัศจรรย์ของธารน้ำแข็งสีแดงที่หายาก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่แทบจะเป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกับนักสำรวจที่ไม่มีใครเหมือนนี้