หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากคดีความปมแต่งตั้ง “นายพิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม 2567 สภามีมติโหวตให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร 1 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ด้วย 319 ต่อ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ต่อจากนางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของประเทศไทย
“อุ๊งอิ๊ง” เป็นใคร?
“อุ๊งอิ๊ง” หรือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2529 ปัจจุบันอายุ 37 ปี เป็นลูกสาวของนายทักษิน ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นน้องเล็กในบรรดาพี่น้อง 3 คน โดยมีนายพานทองแท้ เป็นพี่ชายคนโต และบุตรสาวคนรองคือนางสาวพินทองทา มีบุตรสาว 1 คน คือ ธิธาร สุขสวัสดิ์ เกิดวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2564 และมีบุตรชาย 1 คน คือ พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ เกิดในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ในเดือนเดียวกัน
เรื่องของการศึกษา
“อุ๊งอิ๊ง” สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ในระดับมหาวิทยาลัย เธอจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากคณะรัฐศาสตร์ ในสาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ในสาขาวิชา Msc International Hotel Management มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ ประเทศอังกฤษ
ด้านการทำงาน
หลังจากสำเร็จการศึกษา อุ๊งอิ๊งกลับมาดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัว โดยเป็นประธานเจ้าหน้าที่ด้านบริหาร กลุ่มธุรกิจโรงแรม บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จํากัด กรรมการบริษัทธุรกิจในเครือโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ, โรงแรม เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ และสนามกอล์ฟอัลไพน์ โรงแรมเอสซี ปาร์ค ก่อนจะเดินในเส้นทางการเมืองด้วยการเป็นประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคขึ้นเป็นหัวหน้าครอบครัวของพรรคเพื่อไทยในท้ายที่สุด
ส่วนในสมัยของรัฐบาลนี้ อุ๊งอิ๊งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพจิตเวชแห่งชาติ และเด่นที่สุดคือการเป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
หลังจากที่อุ๊งอิ๊งได้ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย สถานการณ์ทางการเมืองต่าง ๆ ภายในประเทศและกระแสสังคมจะไปในทิศทางไหน จะสามารถพานโยบายของพรรคเพื่อไทยมัดใจคนทั้งประเทศได้อีกครั้งหรือไม่ ก็ต้องรอติดตามนับจากนี้เป็นต้นไป