“โค้ชเช” กับการไปโอลิมปิกส์ในฐานะคนไทยครั้งแรก

0
37

หากนึกถึงวงการเทควันโดก็คงต้องมีภาพของชายผู้นี้ปรากฎขึ้นมาในหัวเป็นแน่กับ “โค้ชเช” ชเว ยองซอก หรือ ชัชชัย เช ชายชาวเกาหลีใต้แท้ผู้ทุ่มเทแรงกายและแรงใจทั้งหมดให้กับวงการเทควันโดไทยเป็นเวลากว่า 20 ปี และในโอลิมปิกส์ ปารีส 2024 ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเขาในฐานะ “คนไทย”

โดยโค้ชเชทำหน้าที่เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย ซึ่งมีผลงานเป็นที่ประจักษ์มากมายตลอดการทำหน้าที่ ล่าสุดในโอลิมปิกส์ ปารีส 2024 ที่ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ สามารถคว้าเหรียญทองได้เป็นสมัยที่ 2 และกลายเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่สามารถคว้าเหรียญได้ 3 สมัยติดกัน

โค้ชเช เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2517 ที่ซองนัม ประเทศเกาหลีใต้ และเติบโตในบ้านเกิด ปัจจุบันอายุ 50 ปี สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนมัธยมพุงแซง ระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยคยองวอน ปริญญาโทด้านพลศึกษา มหาวิทยาลัยคังวอน ปัจจุบันสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาเทควันโด มหาวิทยาลัยดงอา และกำลังศึกษาปริญญาเอก สาขาการจัดการกีฬา คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยในช่วงอายุ 12 ปี เขาเริ่มสนใจกีฬาเทควันโดจากเพื่อน หลังจากนั้นจึงลงแข่งขันชิงแชมป์ในประเทศเกาหลีใต้หลังร่ำเรียนได้แค่ 3–4 เดือน ปรากฎว่าเขาได้รางวัลเหรียญทองแดง และนั่นกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเล่นเทควันโดต่อไป

จุดเริ่มต้นของยุคทอง

โค้ชเชเคยเป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติเกาหลีใต้ ก่อนจะผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอน โดยงานแรกที่เขาได้รับคือการเป็นโค้ชให้กับทีมชาติบาเรนห์ในช่วงปี พ.ศ. 2543-2545 ก่อนจะประสบปัญหาเกี่ยวกับการฝึกซ้อมเนื่องจากอากาศร้อน ทำให้เขาต้องลาพักร้อนกลับไปที่บ้าน แต่กลายเป็นว่าแม่ของเขาเสียชีวิตลงในช่วงนั้น ทำให้เขาตัดสินใจส่งรุ่นน้องของเขาไปเป็นผู้ฝึกสอนแทนและไม่กลับไปบาเรนห์อีก

และต่อมาทางสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้ติดต่อไปหาสหพันธ์เทควันโดสากลเพื่อให้ช่วยจัดหาโค้ชมาทดแทนโค้ชเดิมที่ลาออกไป จึงเป็นโค้ชเชที่ถูกส่งตัวไปให้กับทีมชาติไทยในฐานะผู้ฝึกสอน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 และเป็นที่รู้จักของคนไทยในนาม “โค้ชเช” และใช้ชื่อไทยว่า “ชัยศักดิ์” ที่หมายถึง ผู้มีชัยชนะและศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่ แต่หลังจบศึกโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ได้เปลี่ยนเป็น “ชัชชัย ชเว” ที่แปลว่า ชัยชนะที่มั่นคง ตามคำแนะนำของ สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) ซึ่งตัวเขามีผลงานโดดเด่นในการปั้นแชมป์โลกเทควันโดมากถึง 4 คน ได้แก่ รังสิญา นิสัยสม แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 62 กิโลกรัมหญิง ชัชวาล ขาวละออ แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 54 กิโลกรัมชาย ในปี 2011 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ชนาธิป ซ้อนขำ แชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 49 กิโลกรัมหญิง ในปี 2013 ที่ประเทศเม็กซิโก และพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจแชมป์เทควันโดโลก รุ่นไม่เกิน 46 กิโลกรัมหญิง ในปี 2015 ที่ประเทศรัสเซีย

จาก “เกาหลีใต้” สู่ “ไทย”

เป็นเวลากว่า 20 ปีที่โค้ชเชปลุกปั้นวงการเทควันโดไทยจากอันดับท้าย ๆ สู่อันดับต้น ๆ ของโลกได้ ทั้งยังได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ โค้ชเชได้รับข้อเสนอที่ดีกว่ามากมายจากนานาประเทศ แต่เขาก็ตัดสินใจไม่ทิ้งประเทศไทยไปไหน เพราะเขาไม่อยากต้องสร้างคู่แข่งมาห้ำหั่นกับลูกศิษย์ของตัวเอง และเริ่มคิดถึงการเปลี่ยนสัญชาติมาใช้สัญชาติไทย แต่ว่าประเทศเกาหลีใต้นั้นไม่สามารถถือ 2 สัญชาติได้ ทำให้เขาเลือกตัดสินใจที่จะทิ้งสัญชาติบ้านเกิดมาใช้สัญชาติของประเทศที่เขาผูกพันธ์ นับเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญสำหรับโค้ชเชเลยทีเดียว

โค้ชเชมักจะสอนลูกศิษย์เสมอว่าต้องฝึกซ้อมให้หนัก ทุ่มเท 200% ถึงจะสามารถเป็นเบอร์ 1 ของโลกเหมือนกับที่เกาหลีใต้เป็นได้ และลูกศิษย์ก็มักจะเอ่ยถึงโค้ชเชว่าเป็นคนที่เข้มงวด และมีระเบียบวินัยเสมอ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงสามารถปั้นดาวแห่งวงการเทควันโดได้คนแล้วคนเล่า