ในช่วงที่เรายังเด็กมักจะถูกสอนไว้เสมอกีฬาคือสิ่งที่ใช้กระชับความสัมพันธ์ ต้องมีน้ำใจนักกีฬา และจะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน แต่ในปัจจุบันเมื่อกีฬาเป็นมากกว่านั้น กลายเป็นเครื่องมือ กลายเป็นเวทีแสดงออกถึงความคิด ทัศนคติและอุดมการณ์ แล้วเรายังเรียกกีฬาว่าเป็นสิ่งที่ใช้กระชับความสัมพันธ์ได้อยู่อีกหรือเปล่า
ในตอนนี้เราจะเห็นข่าวที่พูดถึง Enzo Fernandez และก๊วนทีมชาติอาร์เจนติน่าร้องเพลงเหยียดทีมชาติฝรั่งเศสบนรสบัสขณะกำลังเดินทาง ซึ่งเหยียดทั้งเชื้อชาติ และรสนิยมทางเพศ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างสองชาตินี้ ซึ่งจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต้องย้อนกลับไปในปี 2018 หลังจากที่ฝรั่งเศสเขี่ยอาร์เจนติน่ากลับบ้าน และคว้าแชมป์ไปอย่างสวยงาม ในระหว่างการฉลองแชมป์ มีการร้องเพลงให้กับ N’golo Kante กองกลางตัวเก่งของทีมที่พาดพิงไปถึง Lionel Messi ซึ่งก็เป็นการร้องเพลงแซวกันขำๆ ไม่น่ามีอะไรแต่ก้มีแฟนบอลบางส่วนที่คิดว่าไม่เหมาะสม และสวนฝรั่งเศสคืนว่าจริงๆ แล้ว Kante เองก็ไม่ใช่คนฝรั่งเศสแท้ด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นก็มีแซะกันไปมาอยู่เรื่อยๆ เช่น Mbappe ให้สัมภาษณ์ว่าฟุตบอลโลกที่การ์ต้าร์ใครจะได้แชมป์ไปครอง เขาตอบว่าทีมจากยุโรปนั้นมีการแข่งขันที่เข้มข้นกว่าจึงได้เปรียบ Emiliano Martinez ก็สวนคืนว่าอเมริกาใต้มีแต่สนามที่ทดสอบความสามารถ ส่วนยุโรปมีแต่สนามที่สวยงาม ใครที่แข่งขันเข้มข้นกว่ากันแน่ จนในที่สุด ฝรั่งเศสและอาร์เจนติน่าก็มาพบกันอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกปี 2022 ก่อนที่อาร์เจนติน่าจะแก้แค้นสำเร็จและคว้าแชมป์ไปได้ ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่าหลังจากนั้นก็มีการแซะ Mbappe มากแค่ไหน
ทั้งคู่กระทบกระทั่งกันมาตลอดจนถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่อาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โคปา อเมริกา 2024 Enzo Fernandez กองกลางจากยอดทีมแห่งลอนดอนอย่าง Chelsea ได้ไลฟ์สดขณะที่อยู่บนรถบัสของทีม ซึ่งในขณะในรถบัสกำลังร้องเพลง Chants ที่เป็นประเด็น ซึ่งจะพูดประมาณว่า Mbappe ชอบผู้หญงิข้ามเพศ คนในทีมบางคนก็ไม่ใช่คนฝรั่งเศส พ่อแม่ก็ไม่ใช่ด้วยซ้ำ ก่อนจะปิดไลฟ์ไป ทำให้โซเชี่ยลลุกเป็นไฟทันที ทั่วโลกต่างก็รณรงค์ให้หยุดการเหยียดต่างๆ เพราะมันคือสิ่งที่ไม่ควรจะมีในปี 2024 แล้ว แต่คุณที่มีไฟส่องถึงกลับทำเสียเอง
ข้ามฟากไปทางฝั่งยุโรป หลังจากที่สเปนคว้าแชมป์ยูโร 2024 ได้สำเร็จ มีการเฉลิมฉลองกันตามปกติ แต่มันไม่ปกติตรงที่ Rodri ห้องเครื่องจาก Manchester City ผู้มีสิทธิ์คว้าบัลลง ดอร์ ได้ออกมาร้องเพลงว่า “ยิบรอลตาร์คือสเปน” และทางเพื่อนร่วมทีมอย่าง Alvaro Morata ได้สะกิดเตือนว่า “นายเล่นอยู่ในอังกฤษนะเพื่อน” แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจ ถ้าถามว่ายิบรอลตาร์คืออะไร ยิบรอลตาร์ (Gibraltar) ดินแดนโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศสเปน ซึ่งเดิมทีนั้นเป็นของสเปน จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1704 ขณะกำลังเกิดสงครามสืบราชบัลลังก์สเปน สหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐดัตช์ได้ยึดครองดินแดนยิบรอลตาร์จากสเปน ต่อมาภายหลังจากการทำสนธิสัญญายูเทรกต์ (Treaty of Utrecht) เพื่อยุติการสู้รบ ทำให้ยิบรอลตาร์มีสถานะเป็นอาณานิคมโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักร และก็ยังคงมีข้อพิพาทอยู่จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลของยิบรอลตาร์เป็นอย่างมาก ถึงขั้นยื่นคำร้องแก่ยูฟ่าให้ดำเนินการอะไรสักอย่างแก่ Rodri และเน้นย้ำเรื่องฟุตบอลไม่ควรมีพื้นที่ให้พฤติกรรมลักษะเช่นนี้ และหวังเห็นบทลงโทษจากทางยูฟ่า
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เหตุการณ์สุดท้ายนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่โด่งดังหรือเป็นประเด็นขนาดนั้น แต่ก็สมควรที่จะถูกสนใจเช่นกัน เรื่องราวเกิดขึ้นในระหว่างเกมอุ่นเครื่องที่สเปนระหว่าง Wolverhampton Wanderers สโมสรจากลีคผู้ดีอังกฤษพบกันกับ Como 1907 จากอิตาลี ซึ่งเกมนี้เองก้ดำเนินไปตามปกติจนกระทั่ง Hwang Hee-Chan นักเตะสัญชาติเกาลหีใต้ของทัพหมาป่าถูกกองหลังของอีกฝั่งพูดเหยีดเชื้อชาติใส่ ซึ่งมีอีกคนที่ได้ยินเช่นกันคือ Daniel Podence ดาวเตะชาวโปรตุเกสของ Wolverhampton ทำให้เขาฟิวส์ขาดทันทีก่อนจะเดินไปสาวหมัดใส่คู่แข่งและโดนใบแดงในเวลาต่อมา
ทั้งสามเรื่องต่างก็พูดถึงเรื่องต่างๆ ที่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างการเมือง เชื้อชาติ รสนิยมทางเพศ ทำให้เราเห็นได้ว่าต่อให้เราไม่อยากให้กีฬาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้มากแค่ไหน แต่เราก็ไม่อาจปฎิเสธได้ว่าในบางครั้งคนที่เริ่มต้นไม่ใช่คนที่อยู่รอบนอกอย่างผู้ชมหรือนักข่าว แต่เป็นคนที่อยู่ในสุดอย่างนักกีฬาเอง แต่การที่นำเรื่องเหล่านี้เข้ามาในกีฬาก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสีย อย่างตอนที่ George Floyd ชายผิวดำชาวอเมริกาถูกตำรวจควบคุมตัวจนเสียชีวิต สโมสรและต่างๆ ก็ออกมาไว้อาลัยด้วยการนั่งคุกเข่าก่อนจะเริ่มเกม
หรือกรณีของ Cristiano Ronaldo ที่ต้องสูญเสียลูกชายไปตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก แฟนคลับของทีม Liverpool ก็ร่วมร้องเพลง You’ll Never Walk Alone ที่เป็นดั่งเพลงประจำสโมสรให้กำลังแก่คู่อริตลอดกาล หรือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์อย่างเช่น กรณีของ Georginio Wijnaldum ที่ยิงประตูได้ในการแข่งขันย Euro 2020 ระหว่างเนเธอร์แลนด์และเอสโตเนีย เขาเรียก Frenkie De Jong เพื่อนร่วมทีมให้เข้ามาร่วมทำท่าดีใจโดยการนำแขนของทั้งคู่มาเทียบกันและชี้ไปที่ผิวของทั้งคู่เพื่อแสดงการต่อต้านการเหยียดสีผิว
หลังจากเรื่องทั้งหมด จากความคิดของผม การที่เอาเรื่องต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกีฬามาผูกโยงกับกีฬา เอากีฬาระดับโลกมาเป็นเวทีแสดงออกต่าง ๆ นั้นสามารถทำได้ แต่ก็ควบคุมให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ และไม่ทำร้ายใคร ผมยังคงคิดว่ากีฬาคือสิ่งที่ใช้กระชับความสัมพันธ์อยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าตัวเราจะเลือกใช้มันยังไงให้ออกมาดีที่สุด
photo by Getty Images and Austrian national library on Unsplash